วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 22, 2551

ความเป็นจริงของชีวิตและการใช้วิจารณญาณ

*สิทธิเสรีภาพ ในการนำเสนอ และ วิจารณญาณในการรับชม
เหตุเนื่องจากน้องชายมาเล่าให้ฟังว่าได้อ่านกระทู้นึงจากเวปดังของเมืองไทย เจ้าของกระทู้ตั้งเพื่อตำหนิทีวีสาธารณะช่องใหม่ของเมืองไทย เนื่องจากสถานีดังกล่าวได้นำสารคดีชีวิตสัตว์มานำเสนอ เรื่องวัฎจักรสัตว์โลก ภาพการล่าของสิงโตหลายตัว รุมกินโต๊ะช้างที่น่าสงสารตัวเดียว
เจ้าของกระทู้ตำหนิสถานี ที่ออกอากาศภาพโหดร้ายแบบนั้น ให้ลุกเค้าได้รู้ ได้เห็น สิ่งที่ตามมาไล่หลังก็คือ ความเห็นของผู้อ่านอย่างเราๆท่านๆ ที่ส่วนใหญ่จะเข้ามาขำ และต่อว่าเจ้าของกระทู้ ซึ่งตอนแรกนั้นก็ยอมรับว่าได้คิดแบบผู้อ่านหลายท่านเช่นกัน


ความรู้สึกแรกนั้นก็คือ ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ควรจะเป็นผู้สอนและแนะนำลูก ให้เข้าใจธรรมชาติที่เป็นจริง ในการดำรงชีวิตของสัตว์ฯ ซึ่งมันจะต้อง ดิ้นรน ต่อสู้เพื่อการยังชีพตามสัญชาตญาณของสัตว์ ตามกฎของชาร์ลส ดาร์วิน ที่ว่า ผู้ที่แข็งแรงเท่านั้น ถึงจะอยู่รอด มันเป็นเรื่องของสัตว์เดรัจฉาน แต่สำหรับมนุษย์ ต่างจากการดำรงชีวิตของสัตว์ป่า ตรงที่ มนุษย์ มีสมอง มีความคิด กอร์ปด้วย คุณธรรม ศีลธรรม มีกฎหมาย ระเบียบของบ้านเมือง สังคม ควบคุมเพื่อให้มนุษย์ร่วมกันได้อย่างผาสุข เพื่อคนที่แข็งแรงกว่า จะได้ไม่เบียดเบียน ข่มเหงคนอ่อนแอ คนที่ฉลาดกว่า จะได้ไม่หลอกลวง คดโกง คนที่ฉลาดน้อยกว่า วิถีชีวิตของสัตว์โลก...เหล่านี้ เราคงจะไม่ได้เห็นภาพสิงโตรุมกินช้าง ตามถนนหนทางทั่วไปเป็นแน่

*แต่เราก็คง จะได้เห็น การ ตีชิง วิ่งราว การปล้น การฆ่ากัน การวางระเบิด การยิงคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แถว สามจังหวัดภาคใต้ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ กันทุกวี่ทุกวัน
หรือจะเป็นภาพตบตีกัน จากละครหลังข่าว ก่อนข่าว การด่าทอ การเหน็บแนม หรืออาฆาตมากกว่าไม่ใช่หรือ? ที่อาจจะมีให้เห็นและสามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน การมอมเมา ด้วยโฆษณาชวนเชื่อ หลอกให้ขาว หลอกให้สวย กันเกลื่อนกราดดาษดา หรือแม้กระทั่ง การจูงใจให้ใช้ของฟุ่มเฟือยที่ใกล้ตัวเหลือเกินในปัจจุบันนี้ เช่น โปรโมชั่นค่าโทรศัพท์มือถือ ที่เค้าว่าทู๊ก..ถูก..แสนถูก

เรื่องพวกนี้สิ ที่น่าจะต้องคอยชี้แนะ และตักเตือนมากกว่า เพราะมันถูกฝังหัวเราทุกวัน จนนึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไปซะงั้น

แต่พอมาคิดดูอีกที การที่เจ้าของกระทู้ออกมาตำหนิสถานี นั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิด เค้ามีสิทธิ์ที่จะตำหนิ และท้วงติงสิ่งที่เขาคิดว่าน่ากลัว โหดร้าย สำหรับลูกหลานของเขา และก็หวังพึ่งสี่อสาธารณะให้เป็นตัวแทน ช่วยนำเรื่องราวที่เขาได้ตำหนิ ท้วงติง ผ่านไปให้สื่อนั้นได้รับรู้และแก้ไข

เพียงแต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่า เราจะมาหวังว่า สื่อจะต้องถูกเซนเซอร์ ปิดตาย หรือไม่ต้องออกอากาศอะไร แค่ผู้ใหญ่บางท่านคิดว่าอะไรควร อะไรไม่ควร มันไม่ใช่หรอก รายการหรือหนังหลายเรื่องที่ถูกเซนเซอร์ หรือไม่ให้ออกอากาศ ก็เพราะผู้ใหญ่บางท่านคิดว่า ไม่เหมาะ (ในความคิดของเค้า) แต่จริงๆแล้ว ผู้ใหญ่ไม่ใช่หรือ..ที่จะต้องเป็นผู้สอน แนะนำคนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิด ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี อะไรที่ควรประพฤติ ปฎิบัติตาม หรืออะไรที่ไม่ควร เราเป็นผู้บริโภค เรามีสิทธิ์เลือก มีสิทธิ์คิด แม้จะเป็นเด็ก เค้าก็มีความคิดที่จะเลือก คราวนี้แหละเป็นหน้าที่ของผู้เป็นพ่อ เป็นแม่ ที่จะคอยอยู่ใกล้ๆเค้า คอยแนะนำ ให้ความรู้เค้า ไม่ใช่แค่ภาพน่ากลัว โหดร้ายเท่านั้นหรอกนะ สิ่งรอบตัวเราทุกวันนี้ มันน่ากลัวและโหดร้ายขึ้นทุกที ภัยจากความเป็นโลกาภิวัฒน์ มันค่อยๆคืบคลานเข้ามา และแฝงตัวใกล้เรา จนบางทีเราไม่รู้สึกตัว การโฆษณาชวนเชื่อขายสินค้าหลากหลาย ที่ในอดีตไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ การหล่อหลอมให้มองว่าหลายสิ่งถ้าไม่ใช้ จะเชย หรือ อยู่ไม่ได้แน่ๆ ถ้าขาดไป ...สิ่งเหล่านี้ทั้งหลายนี่แหละ ที่เราต้องคอยระวัง เพราะมันค่อยๆซึมเข้าไป ไม่ใช่แค่เด็กหรอกที่ต้องคอยระวัง พวกเราผู้ใหญ่ เราๆท่านๆนี่แหละ ที่หลงไปกับมัน แบบไม่ทันรู้สึกตัว...ก็ได้กลายเป็นทาสของมันไปซะแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: